ปลานิลลวกจิ้ม วิธีทำ

ปลานิลลวกจิ้ม เมนูสุดแซ่บ นำเสนอวิธีทำ เมนูกับข้าวก็ได้กับแกล้มก็ชั้นเลิศ เนื้อปลาหวานมาก รับรองไม่คาวอย่างแน่นอน เพราะเราจัดเต็มด้วยส่วนผสมกันคาว รับรองได้ผลแน่นอน สำหรับเมนูนี้หากถามว่า แตกต่างอย่างไรกับนึ่ง บอกเลยว่ามีความแตกต่างนะ เพราะความรู้สึกส่วนตัว เนื้อปลาจะไม่คาว มีความหวานของเนื้อปลา สอดแทรกกับกลิ่นของเครื่องที่ใส่ และน้ำจิ้มซีฟู๊ดก็เข้ากันมาก ว่าแล้วก็มาเข้าครัวเตรียมเครื่องปรุง และส่วนผสมต่างๆกันเลยจ้า

ปลานิลลวกจิ้ม

ส่วนผสมและเครื่องปรุง

1.ปลานิล 1 กิโลกรัม

2.ข่าแก่ 1 หัว

3.ตะไคร้ 2 ต้น

4.ใบมะกรูด 5 ใบ

5.ใบตั้งโอ๋ 5 ใบ

6.เกลือป่น 1 ช้อนโต๊ะ

ส่วนผสมน้ำจิ้มซีฟู๊ด

1.พริกขี้หนู 12 เม็ด

2.กระเทียม 5 กลีบ

3.น้ำตาลปี๊บ 1 ช้อนโต๊ะ

4.มะนาว 2-3 ช้อนโต๊ะ

5.น้ำปลา 2 ช้อนโต๊ะ

6.ผงนัว 1 ช้อนชา

7.น้ำอุ่น

วิธีทำน้ำจิ้มซีฟู๊ด ปลานิลลวกจิ้ม

ตำพริกขี้หนูกับกระเทียม แล้วเติมน้ำตาลปี๊บ บีบมะนาวลงไป ตามด้วยน้ำปลา ผงนัว น้ำอุ่น แล้วคนให้เข้ากัน ชิมรสขาดเหลืออะไรก็ปรุงเพิ่มเติมลงไป เป็นอันเรียบร้อบสำหรับน้ำจิ้มซีฟู๊ด สาเหตุที่ทำน้ำจิ้มก่อนเพราะ เมื่อลวกปลาเสร็จแล้ว ก็เสริฟแบบร้อนๆได้เลย

วิธีทำ ปลานิลลวกจิ้ม

1.นำปลานิลมาจัดการขอดเกล็ดออก แล้วผ่าท้องเอาใส้ออก แล้วล้างให้สะอาด ล้างเหงือกและภายในท้องไม่ให้มีคราบดำ จากนั้นก็ใช้มีดคมๆ หรือมีดแร่ปลาแร่เอาเฉพาะเนื้อ และหลังจากนั้นคลุกเคล้ากับเกลือป่น แล้วล้างอีกครั้ง บีบน้ำออกให้สะเด็ด

2.เตรียมหั่นตะไคร้ ข่า ฉีกใบมะกรูด ใบตั้งโอ๋ ระหว่างนั้นก็ต้มน้ำรอ

3.ใส่เครื่องปรุงในข้อ 2 ลงไป รอจนน้ำเดือดอีกครั้ง

4.เมื่อน้ำเดือดแล้ว ใส่เนื้อปลานิลลงไป ทิ้งไว้ประมาณ 4 นาที เนื้อปลาจะสุกและมีสีขาวสวยงามน่ากินมาก

ตักเสริฟแบบร้อนๆ และมีผักเครื่องแนม เช่น ผักกาดขาว ใบชะพลู ผักชี แตงกวา มะเขือสด ผักแพว ได้ทุกชนิดผักเลยจ้า เหมาะมากกับการทานเป็นกับแกล้ม แต่ถ้าทานเป็นกับข้าวก็จะอร่อยมาก เพราะมีน้ำจิ้มซีฟู๊ดช่วยเสริมความอร่อย ที่สำคัญเนื้อปลาหวานมากๆ ไม่มีกลิ่นคาว และทานคู่กับผัก ช่วยเจริญอาหารมากๆ สำหรับส่วนหัวและก้างที่เหลือ ก็นำไปต้มกับน้ำที่เหลือ เหมาะสำหรับท่านที่ชอบทานหัวปลา หัวปลานิลอร่อยมาก

และทางเรายังมีเมนูปลานิลมานำเสนอีก เช่น เมี่ยงปลานิล , ต้มยำปลานิล , แกงส้มดอกแคปลานิล , แป๊ะซะปลานิล , ปลานิลราดพริก หรือหากว่าอยากศึกษาประวัติปลานิล ก็สามารถคลิ๊กดูได้ที่ wiki เลยจ้า

อย่าลืมกดไลค์กดแชร์กดติดตามเพจ กินเที่ยวไทยแลนด์ กันด้วยจ้า